วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Get ready for university life


University changes our lives.




Let's see how to get ready as a university student.

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

First of all, I would suggest you to change your attitude.
You should adapt to society. For example, If you are a lazy person, you will need to be more diligent. If you are dirty, you should be more clean. If you don't adapt yourself, society will not  accept you.



ก่อนอื่น เราอยากจะแนะนำให้ท่านเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องต่างๆ   เราควรที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อสังคมส่วนรวม

 ยกตัวอย่าง เช่น ถ้าเราเป็นคนไม่ขยัน เราก็จะต้องขยันให้มากกว่าเดิม หรือถ้าเป็นคนไม่รักษาความสะอาดก็ควรที่จะเป็นคนที่สะอาดขึ้น เพื่อให้สังคมยอมรับ สิ่งใดที่สังคมยอมรับว่าดี เราก็ควรทำสิ่งนั้น

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

Second, you should choose good friends in your life.

 What are good friends?
A good friend is someone who will bring you in the good ways and make your life happy.

Why should we choose good friends?
Because it is the way that can support our studies and keep us away from trouble.



ประการที่สอง : เราต้องเลือกคบเพื่อนที่ดีเข้ามาในชีวิต
คำถาม : เพื่อนที่ดีคืออะไร
คำตอบ : เพื่อนที่ดีคือ คนที่จะชักนำเราไปในทางที่ดีและทำให้ชีวิตเรามีความสุข.
แล้วทำไมต้องเลือกคบเพื่อนดีๆ
คำตอบ : เพราะว่ามันเป็นหนทางที่จะช่วยส่งเสริมกันทางด้านการเรียนและหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆในชีวิต

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

Third, you must not hang out with friends often. 
In my opinion, twice a month is fine.
If you can't control yourself, it will destroy everything, particularly your budget.
We hang out to decrease anxieties, don't we?
Of course, everyone have a lot of anxieties while studying, so I suggest you to hang out with friends twice a month.




ประการที่สาม : คุณไม่ควรไปเที่ยวเกิน 2 ครั้งต่อเดือน
ในความคิดของผู้เขียน เราคิดว่า2ครั้งต่อเดือนเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ถ้าหากว่าเราไม่สามารถควบคุมตนเองได้ สิ่งนี้จะทำลายทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งบประมาณประจำเดือน
คำถาม : เราไปเที่ยวเพื่อลดความเครียด ไม่ใช่หรอคะ
แน่นอนค่ะว่าทุกคนมีความเครียดจากการเรียน ขอแนะนำให้ไปเที่ยวผ่อนคลายอาทิตย์ละสองครั้งค่ะ 

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

Forth, you should manage your budget.

We can manage our budget by dividing money into 6 parts which is for food, personal care product, Internet, ,hanging out, emergency and saved. 

Example:

Parents give us 5,000 baht/month. 

First part is for food : 100 baht/day=3,000 baht/month
Second part is for personal care product : 1,000 baht.
Third part is for internet : costs about 300 baht.
Forth part is for hanging out : maybe 300 baht. 
Fifth part is for emergency : 300 baht
The last part is for saving : 100 baht

It depends on how much you get per month and how is the economy at that time.

ประการที่สี่ :การจัดสรรงบประมาณประจำเดือน
เราสามารถบริหารงบประมาณเราได้โดยการแบ่งเงินออกเป็น 6 ส่วน ได้แก่ ค่าอาหาร, ค่าของใช้ส่วนตัว, ค่าอินเตอเน็ต,สำหรับไปเที่ยวผ่อนคลายเล็กๆน้อยๆ, เงินฉุกเฉิน และสำหรับเก็บออม





มาดูตัวอย่างกันค่ะ
ส่วนที่ 1 ค่าอาหาร : 100 ฿/วัน = 3,000 ฿/เดือน
ส่วนที่ 2 ค่าของใช้ส่วนตัว : 1,000 ฿/เดือน
ถ้าเหลือก็เก็บเข้าในส่วนของเงินเก็บ
ส่วนที่ 3 ค่าอินเตอร์เน็ต : ประมาณ 300 ฿/เดือน
ส่วนที่ 4 สำหรับไปเที่ยวผ่อนคลาย : 300 ฿/เดือน
ส่วนที่ 5 เงินฉุกเฉิน : 300 ฿/เดือน
ส่วนที่ 6 เก็บออม : 100 ฿/เดือน

ทั้งนี้ทั้งนั้นการแบ่งแบบนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราได้งบประมาณเดือนละเท่าไรและเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

แต่จำนวนเท่าไรถ้าเราวางแผนการใช้เงินก่อนใช้จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

The most important thing is studying, isn't it?

You must focus on your study, do not underestimate yourself or compare yourself with others.



สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การเรียน ใช่ไหมคะ
คุณต้องให้ความสนใจกับการเรียนมากๆ ไม่ลดคุณค่าของตนเองลงหรือเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น 
* แข่งกับตัวเองและเอาชนะตัวเองให้ได้ คือ การเรียนที่ประสบความสำเร็จ *

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

The last thing is eating good food and stay healthy




สิ่งสุดท้ายสำหรับวันนี้ก็คือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงค่ะ

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำแนะนำข้างต้นจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้นะคะ นักเรียนที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาหรือบุคคลทั่วไปก็สามารถนำไปลองทำกันได้เลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ

➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖

Picture from :
http://www.wiraja.com/?p=1009
http://202.143.137.100:81/krupayom/index.php?option=com
https://sites.google.com/site/jarinrat21/bth-thi-1-1?tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplates%2Fprint%2F&showPrintDialog=1
http://share.psu.ac.th/blog/gift/29886
https://kanchit004.wordpress.com
https://www.clipmass.com/story/111388

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

World War II




สวัสดีครับทุกคน 
ได้อ่านเรื่อง Cuban Missile Crisis กันไปแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เราย้อนเวลามากันสักหน่อยดีกว่า ย้อนมาในยุค สงครามโลกครั้งที่2” (WW2)  

ค.ศ. 1933 Adolf Hitler ขึ้นมาเป็นผู้นำของเยอรมนี โดยสัญญากับประชาชนว่าจะทำจักรวรรดิเยอรมันให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหลังจากความเสียหายทางเศรษฐกิจจากสงครามโลกครั้งที่1 Hitler ใช้ระบบฟาสซิสต์(Fascism)ซึ่งคือระบบเผด็จการที่ปลูกฝังความเป็นชาตินิยมมากเสียจนกลายเป็นการเหยียดชนชาติ และสรรเสริญผู้นำดั่งพระเจ้า ตรงข้ามกับ คอมมิวนิสต์(Communism) ที่ทุกคนเท่าเทียมกัน
-------------------------------

ค.ศ. 1936 เยอรมนี รวมตัวกับ อิตาลี และ ญี่ปุ่น เรียกว่า ฝ่ายอักษะ(Axis)  อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ ฝ่ายสัมพันธมิตร(Allies) โดยหลักๆได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสหภาพโซเวียต 

-------------------------------
ค.ศ.1939 เยอรมนีบุกยึดโปแลนด์ ด้วยการจู่โจมสายฟ้าแลบโดยใช้รถถังและเครื่องบินทิ้งระเบิดเปิดฉากโจมตีก่อน แล้วให้  ทหารราบเข้าไปยึดพื้นที่ทีหลัง เป็นชนวนให้อังกฤษประกาศสงครามกับเยอรมนี
-------------------------------
ค.ศ.1940 เยอรมนียึด เดนมาร์ก นอร์เวย์ และ ฝรั่งเศส ตามลำดับ แล้วพยายามจะยึดอังกฤษ แต่ไม่สามารถล้มกองทัพอากาศอังกฤษที่แข็งแกร่งกว่าได้ เลยต้องยกเลิกการรุกราน (แต่Londonก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย

ค.ศ.1941 Hitler ฉีกสนธิสัญญาที่จะไม่รุกรานสหภาพโซเวียต แล้วบุกยึดเมืองStalingrad และค่อยๆใกล้Moscowมาเรื่อยๆ แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัดทำให้กองทัพเยอรมนีที่ไม่ได้เตรีมตัวสำหรับอากาศหนาว พ่ายแพ้กองทัพโซเวียตอย่างย่อยยับ ทำให้โซเวียตเป็นฝ่ายได้เปรียบและเริ่มบุกเยอรมนี
ในขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาได้ให้การสนับสนุนทางการแพทย์กับฝ่ายสัมพันธมิตร และตัดการส่งน้ำมันไปญี่ปุ่นที่เริ่มรุกรานจีนและเกาหลีอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว 
-------------------------------
7 ธันวาคม 1941 ญี่ปุ่นเปิดฉากโจมตีอ่าวเพิร์ล(Pearl Harbor)  ทำให้สหรัฐฯประกาศสงครามกับญี่ปุ่น และเยอรมนีก็ประกาศสงครามกับสหรัฐฯ 
-------------------------------
ค.ศ. 1944  ฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกครั้งใหญ่ที่อ่าวนอร์มังดี(Normandy)ของฝรั่งเศสที่โดนเยอรมนียึดอยู่ รู้จักกันในชื่อ D-Day  ปลดปล่อยฝรั่งเศสจากการยึดครองของเยอรมนี
-------------------------------
ค.ศ.1945 ขณะที่สหภาพโซเวียตกำลังบุกเยอรมนีมาทางโปแลนด์ ทหารโซเวียตได้เห็นความจริงอันโหดร้ายที่เยอรมนีซ่อนไว้ คือ เยอรมนีจับชาวยิวจากประเทศที่ยึดครองได้ ไว้ในค่ายกักกัน ชาวยิวในค่ายกักกันถูกฆ่า ใช้แรงงาน และ นำไปเป็นมนุษย์ทดลอง ค่ายกักกันที่ดังที่สุดคือAuschwitz ดังในเรื่องการฆ่าชาวยิวที่ฆ่าได้จำนวนมากในเวลาอันสั้นและโหดร้ายกว่าค่ายอื่นๆ คือ ห้องรมแก๊ส(Gas Chamber) 
ฝ่ายสำพันธมิตรบุกเยอรมนีเข้าใกล้Berlin(เหมืองหลวงของเยอรมนีมาเรื่อยๆ สหภาพโซเวียตถึงBerlinก่อน 

30 เมษายน 1945  Hitler ฆ่าตัวตาย หลังจากนั้น 1สัปดาห์ เยอรมนียอมแพ้ 

6 สิงหาคม 1945 สหรัฐทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของโลกที่เมืองฮิโรชิมา(โครงการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ครั้งนี้ ชื่อ Enola Gay) เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียกำลังพลสหรัฐฯ ญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ สหรัฐฯเลยทิ้งระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกที่เมืองนากาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ และ สงครามโลกครั้งที่2สงบ 

-------------------------------
แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไปครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ

วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

Cuban Missile Crisis วิกฤตการณ์ ขีปนาวุธคิวบา

Cuban Missile Crisis  
วิกฤตการณ์ ขีปนาวุธคิวบา

สวัสดีครับ  ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน
วันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศมาอ่านประวัติศาสตร์กันดีกว่า จริงๆแล้วประวัติศาสตร์ไม่น่าเบื่อเหมือนที่เราเรียนกันในห้องเรียนครับ 

---------------🎈🎈🎈-------------
เคล็ดลับของการอ่านประวัติศาสตร์ให้สนุก
1.นึกภาพตาม 
2.อย่าพยายามจำปีที่เกิดเหตุการณ์หรือชื่อคนในเหตุการณ์ครับ ค่อยๆอ่านแล้วปล่อยมันไป แล้วมันจะค่อยๆเรียงตัวกันในหัวเราเอง 
เรื่องที่จะเล่าในวันนี้อยู่ในช่วงสงครามเย็นครับ หากใครยังไม่ค่อยรู้จักสงครามเย็นเราไปดูกันดีกว่า ว่ามันคืออะไร 
"ใช่การเอาบอลหิมะมาปาใส่กันหรือเปล่า"

---------------🎈🎈🎈-------------
 สงครามเย็น คือ สงครามที่มีสองค่ายมหาอำนาจ ได้แก่ ประชาธิปไตย นำโดย สหรัฐอเมริกา(USA) VS คอมมิวนิสต์ นำโดย สหภาพโซเวียต(USSR) " เผชิญหน้ากันโดยที่ไม่ใช้อาวุธสู้กันตรงๆ แต่จะสู้กันโดยการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ "แล้วขู่ว่าจะใช้ วิกรฤตการขีปนาวุธคิวบา เป็นเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อการปะทุของสงครามนิวเคลียร์ที่สุดในช่วงสงครามเย็น 

---------------🎈🎈🎈-------------
เราไปดูกันดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้น LET’S GO !!! 
ค.ศ. 1961 แผนการโค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์คิวบาของสหรัฐล้มเหลว(รู้จักกันในชื่อ Bay of pigs) เหตุการณ์นี้ทำให้คิวบาไปขอความช่วยเหลือจากโซเวียต Nikita Kruschev(นาคีทา ครุชอฟ)ผู้นำโซเวียตในยุคนั้น ยินดีที่จะช่วยโดยนำขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปให้คิวบาอย่างลับๆ เพื่อป้องกันคิวบาและสกัดขีปนาวุธจากสหรัฐอเมริกา

---------------🖐🏻🖐🏻----------------
16 ตุลาคม ค.ศ.1962 
หน่วยข่าวกรองสหรัฐตรวจพบแผนการขนส่งขีปนาวุธจากโซเวียต 5วันต่อมา(21ตุลาคม1962) ประธานาธิบดีสหรัฐ John F. Kennedy สั่งให้เรือรบสหรัฐไปขวางทางเรือขนส่งขีปนาวุธโซเวียตเพื่อไม่ให้โซเวียตขนส่งขีปนาวุธสำเร็จ แต่ปัญหาคือ การกีดกั้นแบบนี้ถือเป็นการกระทำที่นำไปสู่สงคราม Kennedyจึงเจรจาให้ถอนขีปนาวุธจากคิวบา แต่โซเวียตและคิวบาอ้างว่า เอาไว้ป้องกันตัวเท่านั้น ทั้งที่หัวรบนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ได้รับการติดอาวุธ(armed)เรียบร้อย และพร้อมที่จะยิง

---------------🎈🎈🎈-------------
27 ตุลาคม ค.ศ.1962 
กองเรือสหรัฐทิ้งระเบิดน้ำลึก(depth-charge)เพื่อส่งสัญญาณให้เรือดำน้ำนิวเคลียร์โซเวียตที่แล่นข้ามเขต ลอยลำขึ้น แต่เรือดำน้ำลำนั้นอยู่ลึกเกินกว่าที่จะสื่อสารกับภาคพื้นดินได้ พวกเขาคิดว่าสงครามปะทุแล้วจึงเตรียมยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ แต่จะยิงได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายทหารประจำเรือ3คน กัปตัน และ political officer เห็นชอบ แต่ Vasili Arkhipov(วาสิลิ อาคิพอฟ) รองกัปตัน ไม่เห็นชอบ การตัดสินใจไม่เห็นชอบของเขาได้ช่วยโลกไว้ 

-------------🎈🎈🎈-------------
ต่อมากระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ตั้งความพร้อมรบไว้ที่ Def-Con2  (Defense-readiness Condition)   ในวันเดียวกันที่Washington D.C.  Robert Kennedy อัยการสูงสุดสหรัฐ ประชุมกับ Anatoly Dobrynin  เอกอัครราชทูตโซเวียต อย่างลับๆ โดยได้ข้อตกลงว่า สหรัฐต้องถอนขีปนาวุธจาก ตุรกี และ อิตาลี และต้องไม่รุกรานคิวบา เพื่อแลกกับการถอนขีปนาวุธโซเวียตจากคิวบา นาฬิกา ในวันต่อมาก Cruschevได้สั่งให้ถอนขีปนาวุธทั้งหมดจากคิวบา วิกรฤตการขีปนาวุธคิวบา ได้จบลงแล้ว

---------------🎈🎈🎈-------------
เป็นอย่างไรกันมั่งครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าโลกเคยเดินมาถึงปากเหวของสงครามนิวเคลียร์ แต่ก็ไม่ตกลงไป 
เราได้บทเรียนสำคัญอย่างหนึ่งว่า" การตัดสินใจโดยใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบอาจนำความเดือดร้อนมาให้เราได้นะครับ "
ถึงจะไม่ถึงกับเกิดสงครามนิวเคลียร์แบบในสงครามเย็นแต่ก็อาจทำให้เราเสียใจหรือเสียดายไปอีกนานเลยก็เป็นได้

---------------🎈🎈🎈-------------
ขอบคุณที่รับชมครับ^^
-สวัสดีครับ-

Get ready for university life

University changes our lives. Let's see how to get ready as a university student. ➖➖➖➖〰📚〰➖➖➖➖ First of all, I would su...